ค.ศ.2022 คือ ศักราชแห่งวาระครบรอบ 55 ปีแห่ง 44GS เรือนเวลาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของรหัสการออกแบบที่รู้จักกันในนาม Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่เรือนเวลารุ่นนี้ Grand Seiko จึงนำเสนอเรือนเวลา 44GS 55th Anniversary Limited Edition SBGY009 ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก Spring Drive คาลิเบอร์ 9R31 เรือนเวลา SBGY009 รุ่นนี้โดดเด่นด้วยตัวเรือนแบบ 44GS ที่มีขนาดเพรียวบางยิ่งขึ้น และหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มที่ดูราวกับมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก tsuki tenshin (สึกิ เทนชิน) อันเป็นขณะเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่ ณ จุดสูงสุดบนท้องฟ้าเหนือภูเขาชินชู
ใน ค.ศ.2013 Grand Seiko ได้เริ่มนำเสนอรูปแบบการตีความแบบสมัยใหม่ของดีไซน์ 44GS อันเป็นการปรับรูปแบบดั้งเดิมของรุ่นประวัติศาสตร์ให้แลดูร่วมสมัยสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และใน ค.ศ.2017 ตัวเรือน 44GS ที่ได้รับการตีความแบบสมัยใหม่ก็เป็นเรือนเวลารุ่นแรกที่ได้ใช้กลไกอัตโนมัติระบบ Spring Drive คาลิเบอร์ 9R15 ที่สำรองพลังงานได้ 3 วัน โดยมากับตัวเรือนพร้อมสายทอง 18k และมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ขณะที่รุ่นตัวเรือนสเตนเลสสตีล ถูกเปิดตัวสู่ตลาดโลกใน ค.ศ.2018 สำหรับเรือนเวลา SBGY009 รุ่นนี้ ดีไซน์ 44GS แบบสมัยใหม่ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่งโดยคราวนี้ถูกทำให้มีขนาดเพรียวบางยิ่งขึ้นซึ่งเกิดขึ้นได้จากการบรรจุด้วยกลไกไขลานระบบ Spring Drive 9R31
คาลิเบอร์ 9R31 ถูกนำเสนอออกมาใน ค.ศ.2019 ควบคู่ไปกับคาลิเบอร์ 9R02 โดยการเปิดตัวของ 9R31 นั้นถือเป็นการฉลองวาระครบรอบ 20 ปีของกลไก Spring Drive เครื่องประสิทธิภาพสูงที่มีขนาดเพรียวบางคาลิเบอร์นี้มากับโครงสร้างตลับลานคู่ ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานขึ้นเป็น 72 ชั่วโมง และรักษาแรงบิดระดับสูงอันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนกลไกและเข็มไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่อง 9R31 คาลิเบอร์นี้ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม ตั้งแต่การเผยให้เห็นชิ้นทับทิม ชิ้นสกรูที่ผ่านการให้ความร้อนจนเป็นสีน้ำเงิน และแนวฐานรองสกรูที่ถูกตัดแต่งดุจการเจียระไนเพชร ไปจนถึงการใช้สะพานจักรขัดแต่งลายเส้นละเอียดแบบแฮร์ไลน์เพียงชิ้นเดียวในการมอบความต้านทานต่อแรงกระแทกและความราบรื่นแก่ประสิทธิผลการทำงานของขบวนเฟือง เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว คาลิเบอร์ 9R31 จะมีส่วนประกอบมากกว่า 200 ชิ้น และเป็นเครื่องระบบ Spring Drive ของ Grand Seiko ที่มีขนาดบางที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก คาลิเบอร์ 9R02 โดยเป็นผลงานการผลิตจากสตูดิโอนาฬิกาชินชู ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงงาน ชิโอจิริ ของบริษัท Seiko Epson (ไซโก เอปสัน)
ตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่ถูกตกแต่งด้วยความชำนาญของรุ่นนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 40 มิลลิเมตร โดยมีความยาวจากปลายขาตัวเรือนด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งเท่ากับ 46.2 มิลลิเมตร และมีความหนาเพียงแค่ 10.5 มิลลิเมตร เท่านั้น ซึ่งบางกว่าเรือนเวลา 44GS รุ่นตีความแบบสมัยใหม่ที่ใช้เครื่องอัตโนมัติระบบ Spring Drive คาลิเบอร์ 9R65 ถึง 2 มิลลิเมตร อีกทั้งโครงสร้างตัวเรือนที่มาพร้อมกับกระจกแซพไฟร์รูปทรงกล่องอันงามสง่าของรุ่นนี้ยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งช่วยมอบความกระชับและความสบายให้กับข้อมือได้เป็นอย่างดี
หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มมีรูปแบบการสะท้อนแสงแบบประกายซันเรย์ที่ดูราวกับมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาด้วยการรับแสงจากทุกมุม ก่อเกิดเป็นความระยิบระยับดุจประกายแสงแห่งพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่ ณ จุดสูงสุดบนท้องฟ้าเหนือภูมิประเทศ ส่วนเข็มนาทีและเข็มวินาทีนั้นจะค่อย ๆ โค้งเข้าหาสเกลนาทีที่บริเวณขอบหน้าปัดอย่างนุ่มนวลเพื่อเพิ่มระดับความชัดเจนให้กับการอ่านค่าเวลาในภาพรวม นอกจากนี้ คาลิเบอร์ 9R31 ยังถูกย้ายเข็มบอกพลังงานสำรองจากฝั่งด้านหน้าปัดไปอยู่บนด้านหลังของตัวนาฬิกาเพื่อสร้างความสมมาตรให้กับหน้าปัดโดยยังคงประโยชน์ของฟังก์ชั่นบอกพลังงานสำรองเอาไว้เช่นเคย สำหรับสายนาฬิกาที่นำเสนอมาพร้อมกับ SBGY009 นั้นเป็นสายสีน้ำเงินเข้มในเฉดที่สอดคล้องกับสีของหน้าปัด
SBGY009 ถูกนำเสนอในฐานะเรือนเวลา ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,500 เรือน ด้วยราคาจำหน่าย 309,400 บาท โดยมีหมายเลขประจำเรือนและข้อความ “Limited Edition” สลักไว้บนวงขอบฝาหลัง เรือนเวลารุ่นใหม่ของคอลเลกชั่น Heritage (เฮอริเทจ) รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมที่บูติก Grand Seiko และผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก