ในปี 1998 Grand Seiko ได้เปิดตัวคาลิเบอร์ 9S แพลตฟอร์มกลไกที่จะใช้สำหรับสร้างกลไกนาฬิกาจักรกลในยุคใหม่ของตน แพลตฟอร์มนี้เองได้ทำให้เกิดสายการผลิตใหม่ของกลไกแบบ ไฮ-บีท ไปจนถึงระบบปล่อยจักรระดับปฏิวัติวงการ ตลอดจนรุ่น GMT และล่าสุดในปีนี้กับนาฬิกาจักรกลโครโนกราฟจับเวลารุ่นแรกของ Grand Seiko ขึ้นมา
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแก่คาลิเบอร์ 9S ทาง Grand Seiko จึงได้นำเสนอนาฬิกา GMT คาลิเบอร์ 9S รุ่นใหม่ 2 รุ่น ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อ อิวาเตะ อันเป็นแหล่งกำเนิดของตระกูลกลไกคาลิเบอร์นี้ และเป็นสถานที่ซึ่งกลไกจักรกลทุกเครื่องของ Grand Seiko ถูกประกอบขึ้นด้วยมือ โดยรุ่นหนึ่งเป็นคอลเลกชั่นสปอร์ต และอีกรุ่นหนึ่งเป็นคอลเลกชั่นเอเลแกนซ์ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นได้นำภาพปรากฏของฟากฟ้าเหนือยอดเขาสูงตระหง่านที่แลเห็นได้จากหน้าต่างของ แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ มาถ่ายทอดผ่านหน้าปัดของนาฬิกา
รุ่น SBGJ275 ใช้หน้าปัดสีฟ้าเพื่อแสดงปรากฏการณ์ที่ยากจะพบเห็น อันได้แก่ ทะเลเมฆยามรุ่งสางที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศชื้นก่อตัวขึ้นเป็นมวลเมฆหนาทึบซ้อนทับกัน สีฟ้าเฉดนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากฟากฟ้าเหนือภูเขาอิวาเตะ ยามถูกมวลทะเลเมฆปกคลุม และด้วยกระจกแซพไฟร์คริสตัลที่ผนึกบนวงขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ และกลไกคาลิเบอร์ 9S86 ซึ่งมากับฟังก์ชั่นปรับเข็มชั่วโมงท้องถิ่นแบบอิสระ ก็ทำให้นาฬิกา GMT รุ่นนี้สามารถแสดงเวลาพร้อมกันได้ถึง 3 เขตเวลา ส่วนโรเตอร์ไทเทเนียมที่มองเห็นได้จากฝั่งด้านหลังของนาฬิกานั้น ถูกทำอโนไดซ์ให้เป็นสีฟ้าอ่อนเพื่อให้สอดคล้องกับสีฟ้าอันงดงามของหน้าปัด และถึงแม้จะมิใช่นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ แต่ก็มีประสิทธิภาพการกันน้ำในระดับที่สูงมาก ทำให้เป็นนาฬิกาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเหล่านักเดินทางผู้ต้องประสบพบเจอกับสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังถือเป็นนาฬิกาจักรกลแบบกันน้ำได้ 20 บาร์ รุ่นแรกของ Grand Seiko ที่ใช้ฝาหลังแบบกรุกระจกอีกด้วย
ส่วน SBGM253 อีกหนึ่งนาฬิกา GMT รุ่นใหม่แห่งวาระฉลองครบรอบนั้น มาในเรือนร่างทรงคลาสสิกจากคอลเลกชั่นเอเลแกนซ์ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ 9S66 ที่ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง และมอบพลังงานสำรองได้ถึง 3 วันเต็ม หรือเท่ากับ 72 ชั่วโมง นาฬิการุ่นนี้มีสัดส่วนสวยงามในแนวอนุรักษ์นิยมและรูปแบบดีไซน์กับการตกแต่งที่แสนละเอียดอ่อน ฝาหลังของรุ่นนี้เป็นแบบกรุกระจกเช่นเดียวกับรุ่น GMT จากคอลเลกชั่นสปอร์ต เพื่อให้มองเห็นโรเตอร์ที่ถูกตกแต่งมาเป็นพิเศษด้วยกระบวนการอโนไดซ์เช่นเดียวกัน หากแต่สำหรับรุ่นนี้ถูกทำให้เป็นสีน้ำเงิน แกรนด์ ไซโก บลู
หน้าปัดมากับรูปแบบลวดลายซันเรย์ ประกายแสงอาทิตย์ ในเฉดสีฟ้าอ่อนแสนงดงาม ที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้าแจ่มใสเฉกเช่นที่พบเห็นอยู่เหนือยอดเขาอิวาเตะ บนอาณาบริเวณรายรอบหน้าปัดจะมีสเกล 24 ชั่วโมงซึ่งพิมพ์ด้วยเฉดสีน้ำเงินที่เข้มขึ้นเพื่อสร้างความกลมกลืนและทำให้อ่านค่าเวลา GMT ได้อย่างชัดเจนยิ่ง ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของนาฬิกาคลาสสิกแบบสมัยใหม่ของ Grand Seiko ด้วย
นาฬิกา GMT 2 รุ่นใหม่นี้ มากับตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล โดยรุ่นคอลเลกชั่นเอเลแกนซ์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ฉลองครบรอบ 25 ปีคาลิเบอร์ 9S รหัส SBGM253 นั้น ถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,700 เรือน และจะมีจำหน่ายที่บูติก Grand Seiko และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งทั่วโลก ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นไป ส่วนรุ่นคอลเลกชั่นสปอร์ต ลิมิเต็ด เอดิชั่น ฉลองครบรอบ 25 ปีคาลิเบอร์ 9S รหัส SBGJ275 ที่ผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด 2,000 เรือน จะเริ่มจำหน่ายที่บูติกออนไลน์ของ Grand Seiko ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 เป็นต้นไป จากนั้นจึงจะเริ่มจำหน่ายที่บูติก Grand Seiko และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งในเดือนถัดไป