All Articles
6. 30. 2024
Grand Seiko Evolution 9 Collection Manual-winding Mechanical Hi-Beat 36000 พลังงานสำรอง 80 ชั่วโมง SLGW002 และ SLGW003
กลไกไขลานความแม่นยำสูงด้วยอัตราการทำงานระดับ ไฮ-บีท และให้พลังงานสำรองได้ 80 ชั่วโมง ที่นำเสนอมาในรูปลักษณ์นาฬิกาแนวเดรสดีไซน์ใหม่ด้วยรูปแบบ เอโวลูชั่น ไนน์ สไตล์

ตลอดช่วงทศวรรษที่ 1960s และ 1970s Grand Seiko ได้ทุ่มเทตนในการสร้างเรือนเวลากลไกอัตโนมัติและกลไกไขลานที่มีอัตราการทำงานสูงถึง 10 บีท โดยมุ่งหวังในการเพิ่มความเสถียรของอัตราการทำงานและความแม่นยำให้สูงขึ้น และบัดนี้หลังจากผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี Grand Seiko ก็ได้เปิดตัวกลไก ไฮ-บีท แบบไขลานเครื่องใหม่ คาลิเบอร์ 9SA4 ซึ่งนับเป็นคาลิเบอร์ที่สามจากแพลตฟอร์มกลไกเจเนอเรชั่นล่าสุดของตระกูลคาลิเบอร์จักรกล 9S ที่เปิดตัวครั้งแรกใน ค.ศ.2020 ด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9SA5 และตามมาด้วยการนำเสนอกลไกโครโนกราฟจับเวลา Tentagraph (เทนทากราฟ) คาลิเบอร์ 9SC5 ในปีที่แล้ว

เช่นเดียวกับคาลิเบอร์ 9SA5 กลไกเครื่องใหม่คาลิเบอร์ 9SA4 นี้ ทำงานที่ความถี่ 10 บีทต่อวินาทีและให้พลังงานสำรองได้นานถึง 80 ชั่วโมงเมื่อขึ้นลานจนเต็ม ด้วยสมรรถภาพของระบบกลไก Dual Impulse Escapement (ดูอัล อิมพัลซ์ เอสเคปเมนต์) และตลับลานแฝด โดยทั้ง 2 คาลิเบอร์มาพร้อมกับจักรกลอกแบบ ฟรี-สปรัง และขดสายใยจักรกลอกแบบโอเวอร์คอยล์ ในรูปแบบของ Grand Seiko ซึ่งช่วยให้มีความเสถียร มีความทนทานต่อแรงกระทบจากภายนอก และมีประสิทธิภาพอย่างเหนือชั้น อันเป็นลักษณะเด่นแห่งกลไก ไฮ-บีท ความถี่สูงของ Grand Seiko และเช่นเดียวกับกลไกจักรกลคาลิเบอร์อื่น ๆ ของ Grand Seiko คาลิเบอร์ 9SA4 ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดใน 6 ตำแหน่งที่ 3 ระดับอุณหภูมิในระยะเวลา 17 วัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดของ Grand Seiko

ในขณะที่กลไกคาลิเบอร์ 9SA4 ที่ออกแบบขึ้นมาใหม่นี้มีคุณสมบัติหลายประการเหมือนกับคาลิเบอร์ 9SA5 แต่ 40% ของโครงสร้างฐานกลไกถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยใส่ใจอย่างเต็มที่ในการปรับปรุงเรื่องของการสัมผัส เสียง และการมองเห็นของการขึ้นลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวคลิกของกลไก (ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ป้องกันไม่ให้สปริงลานคลายตัว) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมอบความรู้สึกและสัมผัสเสียงที่สมบูรณ์แบบ และเม็ดมะยมจะหยุดการหมุนเมื่อกลไกถูกไขลานเพิ่มพลังงานจนเต็มแล้ว ตัวคลิกนี้ถูกออกแบบเป็นรูปนกแว็กเทล อันเป็นสัญลักษณ์ของโมริโอกะ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับสตูดิโอชิสุกุอิชิ ของ Grand Seiko อันเป็นสถานที่ที่นาฬิกาจักรกลทุกรุ่นทุกแบบของ Grand Seiko ถูกผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน

การออกแบบกลไกขึ้นใหม่ทำให้สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของไกที่คล้ายกับนกจิกได้ผ่านฝาหลังชนิดกรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ในระหว่างที่กำลังไขขึ้นลาน ร่วมกับการตกแต่งอย่างประณีตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแม่น้ำชิสุกุอิชิ ซึ่งสามารถถ่ายทอดความงดงามตามธรรมชาติของสภาพแวดล้อม ณ สตูดิโอแห่งนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนการแสดงพลังงานสำรองนั้นถูกย้ายจากฝั่งหน้าปัดไปยังสะพานจักรทางฝั่งด้านหลังของนาฬิกา นอกจากนี้การปรับปรุงรูปแบบของขบวนเฟืองและชิ้นส่วนที่ออกแบบขึ้นใหม่ที่ทำให้ขึ้นลานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังทำให้คาลิเบอร์ 9SA4 สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง โดยที่ระยะการหมุนขึ้นลานด้วยเม็ดมะยมนั้นลดน้อยลงถึง 15% เมื่อเทียบกับการหมุนขึ้นลานของคาลิเบอร์ 9SA5 และด้วยโครงสร้างที่เพรียวบางยิ่งขึ้น เรือนเวลาจักรกลรุ่นใหม่ล่าสุดของ Grand Seiko ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นเบิร์ชรุ่นนี้ จึงมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 38.6 มม. โดยมีความหนาเพียง 9.95 มม. และเพื่อให้สวมใส่นาฬิกาได้อย่างสบายและมั่นคง จุดศูนย์ถ่วงของนาฬิกาจึงถูกทำให้ต่ำลง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานอันเลื่องชื่อของนาฬิกาตระกูล Evolution 9 (เอโวลูชั่น ไนน์) ของ Grand Seiko

การเปิดตัวของคาลิเบอร์ 9SA4 นี้ มาพร้อมกับรูปแบบใหม่ของดีไซน์นาฬิกาแนวเดรสจากคอลเลกชั่น Evolution 9 ซึ่งสืบสานคุณลักษณะระดับไอคอนของ 44GS นาฬิการะดับตำนานจาก ค.ศ.1967 โดยในครั้งนี้ รูปแบบ Evolution 9 Style (เอโวลูชัน ไนน์ สไตล์) ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้ได้มาซึ่งเสน่ห์ ความสง่างาม ความนุ่มนวล และความละเอียดอ่อน ที่ถูกคาดหวังให้พบในนาฬิกาแนวเดรสชั้นเลิศที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกชนิดไขลานด้วยมือ ดีไซน์ของนาฬิกาถูกออกแบบขึ้นใหม่โดยคำนึงถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น หลักชั่วโมงแบบเซาะร่องที่มีขนาดบางลงและยาวขึ้น และขาตัวเรือนดีไซน์หลายเหลี่ยมที่มีขนาดแคบลงจากการลดขนาดพื้นผิวเพื่อเสริมความสวยงามให้กับนาฬิกา

ตัวเรือนของรุ่น SLGW003 ถูกสร้างขึ้นจากบริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม ซึ่งมีความแข็งเป็นพิเศษและมีคุณสมบัติในการเรืองรองที่เหนือกว่าไทเทเนียมชนิดปกติ ช่วยเสริมให้พื้นผิวที่ถูกขัดเงาด้วยเทคนิค ซารัตสึ เปล่งประกายได้อย่างงดงาม วัสดุชนิดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเบาเท่านั้น แต่ยังทนทานต่อการกัดกร่อนและการเกิดรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วย โดยมีความแข็งเป็น 2 เท่าของวัสดุสเตนเลสสตีลชนิดมาตรฐาน นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัด SLGW002 ที่ใช้ตัวเรือนและตัวล็อกสายเป็นทองกุหลาบ 18K โดยรุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ทำจากโลหะสูงค่านี้ ใช้สีและลวดลายบนหน้าปัดเหมือนกับรุ่นตัวเรือนบริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม แต่เสริมความโดดเด่นด้วยหลักชั่วโมงสีทอง

ด้วยแรงบันดาลใจจากเหล่าต้นเบิร์ชสีขาวลำต้นบางซึ่งมีอยู่มากมายในภาคเหนือของญี่ปุ่น และเติบโตอย่างงอกงามใกล้กับสตูดิโอชิสุกุอิชิ ของ Grand Seiko นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นจึงถ่ายทอดพื้นผิวอันซับซ้อนของเปลือกต้นเบิร์ช ด้วยรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

นาฬิกาทั้ง 2 รุ่น จะพร้อมจำหน่ายในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2024 โดยรุ่นตัวเรือนทองกุหลาบ SLGW002 ได้ถูกผลิตขึ้นมาแบบจำนวนจำกัดเพียง 80 เรือนเท่านั้น และจะมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ Grand Seiko ส่วนรุ่นตัวเรือนบริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม SLGW003 จะถูกบรรจุเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่น Evolution 9 และจะพร้อมจำหน่ายที่บูติกของ Grand Seiko และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งทั่วโลก

Evolution 9 Collection
Manual Hi-Beat 36000
80 Hours SLGW002
1,773,000 บาท
Evolution 9 Collection
Manual Hi-Beat 36000
80 Hours SLGW003
381,000 บาท
อ่านต่อ