ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมโชคดีที่มีโอกาสได้สัมผัสกับนาฬิกาจากแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย และสำหรับสิ่งที่ทำให้ Grand Seiko มีความโดดเด่นเฉพาะตนเป็นพิเศษก็คือ การที่ถูกออกแบบสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หยั่งรากฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น สิ่งที่ไม่เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ ก็คือ Grand Seiko ได้ทำการคิดค้นสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยมิได้มีการสนับสนุนจากระบบนิเวศแวดล้อมอย่างที่เหล่ายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้เป็น การแยกตัวอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ก่อให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
สิ่งที่น่าสนใจใน Grand Seiko ก็คือ การที่คุณสามารถเริ่มสำรวจทั้งจากภายนอกและจากภายในได้ ซึ่งต่างจากในกรณีของแบรนด์อื่น ๆ ที่มักให้ความสำคัญแค่เพียงผิวเผิน ความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันของ Grand Seiko ต่อทั้งการออกแบบภายนอกและกลไกที่อยู่ภายใน เป็นสิ่งที่ทำให้แตกต่างไปจากแบรนด์อื่น ๆ และทุกสิ่งที่อยู่ภายนอกก็ถูกออกแบบขึ้นโดยคำนึงถึงในเรื่องเทคนิคด้วย ทำให้การสร้างการผสมผสานระหว่างรูปแบบและฟังก์ชั่นเกิดความลงตัว แนวทางแบบองค์รวมเช่นนี้ทำให้ Grand Seiko มีความโดดเด่นอย่างเหนือชั้นในโลกของการผลิตนาฬิกา
หากนึกย้อนไปถึงการแนะนำนาฬิกาแบรนด์นี้ของตัวผมเมื่อหลายปีก่อน ผมจะให้น้ำหนักความสนใจกับความงดงามของตัวเรือนและหน้าปัดของ Grand Seiko เป็นหลัก ความภาคภูมิใจและความทุ่มเทของเหล่าช่างฝีมือนั้นปรากฎชัดอยู่ในผลงานทุกชิ้นที่พวกเขาสร้างขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่หลงใหลไปกับผลงานเหล่านี้
แต่เมื่อเจาะลึกลงไป ผมก็เริ่มชื่นชมนาฬิกาแบรนด์นี้ในแง่คุณค่าของการเป็นนาฬิกาด้วย
แน่นอนว่ากลไกสปริงไดรฟ์ 9R ของ Grand Seiko นั้น มีความโดดเด่นในฐานะกลไกระดับปฏิวัติวงการ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของแนวทางการผลิตนาฬิกาของ Grand Seiko เท่านั้น นวัตกรรมจักรกลของ Grand Seiko มักจะมีการก้าวกระโดดขนาดใหญ่มากกว่าแค่ก้าวเล็ก ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการปรับปรุงและยกระดับผลิตภัณฑ์
ครั้งแรกที่ผมเห็น Grand Seiko SLGH005 ผมรู้สึกทึ่งในความโดดเด่นที่มีมากกว่ารุ่นอื่น ๆ ในแคตตาล็อกของแบรนด์ นาฬิการุ่นนี้เป็นรุ่นลำดับที่สามในคอลเลกชั่น Evolution 9 (เอโวลูชั่น ไนน์) ถัดจากรุ่น SLGH002 และ SLGH003 ซึ่งทั้งสองเป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัด แต่สำหรับ SLGH005 นั้นทำให้ผมประทับใจได้ในทันทีด้วยหน้าปัดอันน่าทึ่งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นเบิร์ชสีขาว อีกทั้งยังพาผมไปสู่อีกระดับของความเป็นเลิศด้านจักรกลด้วยสิ่งที่อยู่ภายในตัวนาฬิกา นั่นก็คือ กลไก 9SA5
กลไก 9SA5 ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 9 ปี โดยในศตวรรษที่ผ่านมาของการผลิตนาฬิกา แนวคิดในเรื่องเกี่ยวกับกลไกเอสเคปเมนท์แบบใหม่นั้นเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากมาก แต่กลไก 9SA5 มีคุณลักษณะของเอสเคปเม้นท์แบบ ดูอัล อิมพัลซ์ ที่แสนชาญฉลาด และให้พลังงานสำรองได้นานถึง 80 ชั่วโมงที่ความถี่การทำงาน 5 เฮิร์ตซ์ การผสมผสานของประสิทธิภาพและสมรรถนะเช่นนี้แทบจะไม่เคยพบเจอมาก่อนในอุตสาหกรรมนี้ การเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนากลไกและส่วนประกอบต่าง ๆ ทำให้ผมชื่นชมยินดีในงานฝีมืออันประณีตและนวัตกรรมที่ Grand Seiko สร้างสรรค์ขึ้น
นาฬิการุ่น SLGH005 และคอลเลกชั่น Evolution 9 เป็นตัวแทนแห่งก้าวสำคัญสำหรับ Grand Seiko อันแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมจักรกลของแบรนด์ การเปิดตัวของกลไก 9SA5 และหลักการสร้างนาฬิกา Evolution 9 ได้ตอกย้ำถึงสถานะของ Grand Seiko ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำ และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแบรนด์นี้มีอะไรอยู่มากกว่าแค่สิ่งที่มองเห็นได้ในทันที
ในฐานะผู้เขียนเรื่องราวและผู้ขายนาฬิกา ผมสังเกตเห็นว่ากลไกคาลิเบอร์นี้ได้ให้ความรู้มากมายแก่ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาและเหล่าลูกค้า Grand Seiko มิใช่แบรนด์นาฬิกาที่ง่ายต่อการศึกษาเนื่องจากมีรุ่นและเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เลือกอยู่มากมาย อย่างไรก็ตาม การอธิบายถึงลักษณะการปฏิวัติของกลไก 9SA5 จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจและชื่นชมในความล้ำลึกของแบรนด์ได้ เอสเคปเม้นท์แบบ ดูอัล อิมพัลซ์ และความถี่ระดับสูงของการทำงาน ทำให้กลไกคาลิเบอร์นี้แตกต่างไปจากกลไกอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งก็คล้ายกันกับกลไกแบบโคแอ็กเซียล ทั้งในแง่ของนวัตกรรมและขนาดสเกลในการผลิต
เมื่อ SLGH005 ถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรก ปฏิกิริยาแรกที่ผมรู้สึกเกิดขึ้นจากภาพถ่ายและสเปกที่ให้มา แต่ทว่าการสวมใส่นาฬิการุ่นนี้บนข้อมือของผมนั้นเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากนาฬิกาอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะ SLGH005 มีลักษณะทางความรู้สึกที่ก่อให้เกิดความประทับใจในทันที สายนาฬิกาที่สวมใส่สบาย การตกแต่งตัวเรือนมาอย่างยอดเยี่ยม และการปัดลายบนวงขอบตัวเรือนที่ตัดกันอย่างงดงามกับลวดลายของหน้าปัด และตัวหน้าปัดเองก็มากับความโดดเด่นที่พบเห็นได้ทันทีในเรื่องความง่ายต่อการอ่านค่าและหลักบอกเวลาที่มีเหลี่ยมอยู่มากมายซึ่งเป็นไปตามหลักการออกแบบของ Evolution 9
มันเป็นนาฬิกาที่สวมใส่ได้สะดวกด้วยขนาด 40 มิลลิเมตร ที่สวมใส่ได้สบายจากความรับพอดีกับข้อมือ โครงสร้างของกลไกก็ช่วยให้นาฬิกามีขนาดที่บาง แม้ว่าจะมีระบบตลับลานแบบแฝดที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมงอยู่ด้วยก็ตาม ความสำเร็จในด้านวิศวกรรมเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาจะไม่มีขนาดหนาเกินสมควร ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายให้กับการสวมใส่ในองค์รวม
SLGH005 ได้สะท้อนถึงจิตวิญญาณและอุดมคติของ Grand Seiko ซึ่งอยู่ภายใต้ปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “The Nature of Time” (เดอะ เนเชอร์ ออฟ ไทม์) หรือธรรมชาติแห่งกาลเวลา แนวคิดนี้มิได้เป็นแค่กลยุทธ์ในการตลาดเท่านั้น แต่ยังให้การสะท้อนอย่างแท้จริงถึงความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งของแบรนด์กับโลกแห่งธรรมชาติและจังหวะในการเคลื่อนผ่านของเวลา หน้าปัดของ SLGH005 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหล่าต้นเบิร์ชสีขาวที่อยู่ใกล้กับ แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ โดยเป็นการถ่ายทอดความเชื่อมโยงนี้ออกมาได้อย่างงดงาม พื้นผิวและลวดลายของหน้าปัดนำพาให้เห็นถึงความงามอันเงียบสงบของป่าต้นเบิร์ช ซึ่งเป็นการนำพาลักษณะของธรรมชาติมาสู่ข้อมือของผู้สวมใส่โดยตรง
แต่การแสดงความเคารพต่อธรรมชาตินั้นมิได้หยุดอยู่แค่หน้าปัด เพราะดีไซน์ของกลไกที่ตกแต่งสะพานจักรมาอย่างสวยงามและมีแนวขอบปาดลาดก็ได้สะท้อนถึงองค์ประกอบแห่งธรรมชาติ เช่น การไหลของแม่น้ำด้วย โดยเห็นได้ชัดจากแนวเส้นที่ลื่นไหลและการตกแต่งอย่างพิถีพิถันบนส่วนประกอบแต่ละชิ้น
SLGH005 ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิการุ่นหนึ่ง หากแต่เป็นการผสมผสานของธรรมชาติและวิศวกรรมเข้ากับศิลปะและฟังก์ชั่นการใช้งาน ทุกองค์ประกอบตั้งแต่การออกแบบหน้าปัดไปจนถึงกลไกจักรกลได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจและความแม่นยำ การผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างความงามจากภายนอกและความเป็นเลิศที่อยู่ภายในทำให้นาฬิกาจาก Grand Seiko มีความโดดเด่นเหนือใคร ซึ่งส่งผลให้ SLGH005 เป็นตัวแทนของปรัชญาแห่งแบรนด์อย่างแท้จริงและมีความโดดเด่นอย่างเหนือชั้นในโลกแห่งเครื่องบอกเวลา
Teddy Baldassarre เป็นเจ้าของวิดีโอคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ด้านนาฬิกาที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ก่อตั้ง TeddyBaldassarre.com ผ่านสื่อต่างๆ ที่มีผู้เข้าชมมากกว่า 8 ล้านคนทุกเดือน Teddy ได้กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในหมู่นักสะสมนาฬิกาสมัยใหม่และเป็นผู้นำในการนำเสนอศาสตร์เกี่ยวกับเครื่องบอกเวลา