เฉลิมฉลองความงามตามธรรมชาติของญี่ปุ่นกับนาฬิกา 2 เรือน SBGH351 และ SBGH353 ซึ่งเป็นการสืบทอดต่อจากรุ่น SBGH271 และ SBGH273 ผ่านการตีความใหม่ที่ทันสมัยของ 62GS ภาษาดีไซน์ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1967 เป็นการยกย่องฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงด้วยงานฝีมืออันยอดเยี่ยมและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา
SBGH351 รวบรวมแก่นแท้ของ Rikka ฤดูกาลที่เจ็ดใน 24 เซกกิ (ฤดูกาล) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ผลิสู่ต้นฤดูร้อน หน้าปัดสีเขียวเข้มสะท้อนถึงความเขียวขจีของภูมิประเทศในญี่ปุ่น ที่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณที่พลิ้วไหวอย่างนุ่มนวลตามสายลม นำพาความอบอุ่นของฤดูกาลโดยเป็นสัญญาณว่ากำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วน โลโก้ GS สีทองเฉิดฉาย แวววาวเป็นประกายพร้อมเข็มวินาที เป็นดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศอันมีชีวิตชีวา เงียบสงบและช่วงเวลาแห่งฤดูกาลอันล้ำค่า
นาฬิการุ่น SBGH353 นี้เป็นการยกย่องฤดูใบไม้ผลิหรือวันขึ้น 16 ค่ำ ซึ่งถือเป็นวันวิษุวัตฤดูใบไม้ร่วง หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มสะท้อนให้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนอันสดใสของฤดูใบไม้ร่วงที่ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์และดวงดาว รายละเอียดโทนสีทอง เช่น โลโก้ Grand Seiko และเข็มวินาที โดดเด่นบนพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม ชวนให้นึกถึงความงามอันเปล่งประกายของแสงจากท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงบ
ทั้งสองรุ่นสืบสานการออกแบบอันล้ำสมัยของ 62GS ซึ่งเป็นเคสที่ถูกรังสรรค์ในนาฬิกาอัตโนมัติรุ่นแรกของ Grand Seiko ด้วยโครงสร้างไร้ขอบทำให้หน้าปัดมีหน้ากว้างขึ้น พื้นผิวและขอบที่มีเหลี่ยมมุมอันแหลมคมถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยการขัดเงาแบบซารัทสึแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Grand Seiko ในด้านการตกแต่งและงานฝีมือ ตัวเรือนทรงเหลี่ยมทำให้นาฬิกาทั้งสองรุ่นดูโดดเด่นแต่เหนือกาลเวลาเมื่อสวมใส่บนข้อมือ
ตัวเรือนและสายนาฬิกาผลิตจาก เอเวอร์-บริลเลียนท์ สตีล ซึ่งเป็นโลหะที่ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง โดยมีค่า PREN สูงกว่าเหล็กที่พบในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า ซึ่งได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อน นาฬิกาแต่ละเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. หนา 12.9 มม. และยาว 47 มม. โดยให้สมดุลสวมใส่สบาย ปลอดภัยและมั่นใจด้วยตัวล็อกแบบพับสามทบ
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกระจกแซฟไฟร์รูปทรงกล่องพร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ช่วยเพิ่มทั้งความชัดเจนและความทนทาน ส่วนฝาหลังใสคริสตัลแซฟไฟร์ช่วยให้มองเห็นงานฝีมืออันประณีตของกลไกได้
SBGH351 และ SBGH353 ขับเคลื่อนด้วยกลไกความถี่สูง Hi-Beat Caliber 9S85 ซึ่งประกอบขึ้นด้วยมือโดยช่างฝีมือจาก Grand Seiko Studio Shizukuishi กลไกนี้ให้ความแม่นยำที่เหนือชั้นถึง +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน (เมื่อหยุดนิ่ง) และสำรองพลังงานได้ประมาณ 55 ชั่วโมง โดยทำงานที่ความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง ผสมผสานความแม่นยำเข้ากับความทนทาน ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ภายใต้ทุกสภาวะ
นาฬิกาทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ Grand Seiko Boutique และ Salon ในราคา 242,000 บาท