ในงาน Watches and Wonders Geneva 2025 Grand Seiko ได้เผยโฉมกลไก Spring Drive U.F.A. รุ่นใหม่ ซึ่งมอบความเที่ยงตรงระดับสูง ด้วยค่าความคลาดเคลื่อนต่อปีเพียง ±20 วินาที ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางแห่งความมุ่งมั่น และการทุ่มเทพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างเรือนเวลาที่แม่นยำที่สุดของแบรนด์ กลไกใหม่นี้ได้กลายมาเป็นหัวใจในการทำงานของนาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน “Violet Dawn” SLGB005 ตัวเรือนผลิตจาก Ever Brilliant Steel โลหะอัลลอยที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานต่อการกัดกร่อนและประกายเงาวาวเป็นพิเศษ ผลงานรุ่นใหม่นี้ผสานความเที่ยงตรงระดับสูง วัสดุชั้นเลิศ และดีไซน์ Evolution 9 Style ได้อย่างลงตัว สะท้อนปรัชญาการสร้างสรรค์นาฬิกาของ Grand Seiko ที่เน้นสมรรถนะและความสะดวกในการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และแน่นอนว่า จุดเด่นที่สุดของเรือนเวลารุ่นนี้ คือความเที่ยงตรงอันน่าทึ่งของกลไก Spring Drive U.F.A.

การแสวงหาความเที่ยงตรงระดับสูงสุดคือหัวใจของการสร้างสรรค์นาฬิกา Grand Seiko มาตั้งแต่เริ่มต้น โดยเริ่มจากคาลิเบอร์ 3180 ซึ่งเป็นกลไกชุดแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 1960 และเป็นกลไกชุดแรกของญี่ปุ่นที่ผ่านมาตรฐานความเที่ยงตรงแม่นยำระดับโครโนมิเตอร์ ตามมาตรฐานของสวิสในยุคนั้น และยังคงยึดมั่นในเป้าหมายด้านความเที่ยงตรงอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดมาตรฐาน Grand Seiko Standard ขึ้นในปี 1966 ซึ่งมีขั้นตอนการทดสอบที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานโครโนมิเตอร์ทั่วไป ต่อมาในปี 1969 ได้เปิดตัวกลไก V.F.A. (Very Fine Adjusted) ที่มีความเที่ยงตรงระดับหนึ่งนาทีต่อเดือน และในปี 2004 ได้เปิดตัวกลไก Spring Drive 9R ที่มีความเที่ยงตรง ±15 วินาทีต่อเดือน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการพัฒนาต่อเนื่องยาวนานเกือบสามทศวรรษ ในปี 2020 กลไก Spring Drive 9RA ได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมความเที่ยงตรง ±10 วินาทีต่อเดือน และพลังงานสำรองยาวนานถึง 5 วัน
ล่าสุดในเดือนเมษายน 2025 Grand Seiko ได้เปิดตัวกลไก Spring Drive U.F.A. คาลิเบอร์ 9RB2 ซึ่งเป็นกลไกพลังลานแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่มีความเที่ยงตรงสูงที่สุดในโลก ตามข้อมูลของ Grand Seiko ด้วยความเที่ยงตรงระดับ ±20 วินาทีต่อปี พร้อมระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพด้วย Offset Magic Lever และพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง กลไกนี้จึงถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันทั้งในด้านสมรรถนะและความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด (เส้นผ่านศูนย์กลาง 30 มม. และความหนา 5.02 มม.) คาลิเบอร์ 9RB2 ยังทำให้ Grand Seiko สามารถสร้างสรรค์นาฬิกา Spring Drive ที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยตัวเรือนขนาด 37 มม. ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดเล็กหรือผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาที่ค่อนข้างเพรียวบาง
กลไก Spring Drive U.F.A. คาลิเบอร์ 9RB2 มาพร้อมหลากหลายนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับทั้งความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และความงาม โดยความเที่ยงตรงระดับ ±20 วินาทีต่อปีนั้น เกิดจากกระบวนการผลิตและการปรับแต่งขั้นสูงของคริสตัลควอตซ์ที่ผ่านการบ่มถึง 90 วัน ร่วมกับวงจร IC รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับกลไกในตระกูล 9RA ความถี่ของคริสตัลแต่ละชิ้นจะถูกวัดในหลายอุณหภูมิ และข้อมูลที่ได้จะถูกนำไปตั้งค่าชดเชยอุณหภูมิภายใน IC ที่ใช้พลังงานต่ำ ส่วนคริสตัลและเซนเซอร์จะถูกซีลสุญญากาศเพื่อลดความต่างของอุณหภูมิ พร้อมทั้งป้องกันปัจจัยภายนอก เช่น ความชื้น ไฟฟ้าสถิต และแสง นอกจากนี้ คาลิเบอร์ 9RB2 ยังเป็นกลไก Spring Drive รุ่นแรกที่มาพร้อมสวิตช์ปรับเทียบความเที่ยงตรง (regulation switch) ซึ่งสามารถใช้ในขั้นตอนบริการหลังการขาย เพื่อปรับค่าความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นหลังการใช้งานยาวนาน
เมื่อพลิกดูผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ จะเห็นงานตกแต่งกลไกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งในแถบชินชู ประดับด้วยอัญมณีที่เปล่งประกายราวดวงดาวบนฟากฟ้าในคืนฤดูหนาวอันแสนสงบ
เช่นเดียวกับรุ่นที่ผลิตจาก High-Intensity Titanium และ Platinum 950 ซึ่งเปิดตัวในงาน Watches & Wonders รุ่น SLGB005 ใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมหน้าปัดลวดลายกดลาย (pressed pattern) ที่ได้แรงบันดาลใจจากผืนป่าใกล้กับ Shinshu Watch Studio สถานที่ผลิตกลไก Spring Drive รวมถึงกลไก U.F.A. ทางตะวันออกของสตูดิโอแห่งนี้คือที่ตั้งของที่ราบสูงคิริกามิเนะ ซึ่งในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศหนาวจัด ต้นไม้จะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งจนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงาม หน้าปัดของ SLGB005 ถ่ายทอดช่วงเวลาอันแสนพิเศษในยามเช้าตรู่ เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องลงบนต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง จนเกิดเป็นเฉดสีม่วงเรื่อรางของรุ่งอรุณ ที่ทั้งลึกลับและน่าหลงใหล
ตัวเรือนและสายของนาฬิการุ่นนี้ผลิตจาก Ever-Brilliant Steel ซึ่งเป็นวัสดุที่มีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่า 40 — หมายถึงระดับความทนทานต่อการกัดกร่อนที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ซูเปอร์สเตนเลสสตีล” นอกจากคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งแล้ว Ever-Brilliant Steel ยังมีประกายแสงที่สว่างและสดใสกว่าสเตนเลสทั่วไป ช่วยขับให้เทคนิคขัดเงาแบบ Zaratsu อันเป็นเอกลักษณ์ของ Grand Seiko ยิ่งโดดเด่นและงดงามยิ่งขึ้น
เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,300 เรือน จัดจำหน่ายที่ Grand Seiko Boutiqueและตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับคัดสรรทั่วโลก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2025 เป็นต้นไป