All Articles
12. 8. 2022
เมื่อรูปแบบดั้งเดิมมาบรรจบกับนวัตกรรม: Grand Seiko Spring Drive Chronograph GMT
พบกับวิธีการที่ Grand Seiko นำความแม่นยำมาสู่กลไก สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ ของตน

การผลิตถูกกระทำขึ้นที่สตูดิโอนาฬิกาชินชู (ตั้งอยู่ในโรงงาน ชิโอจิริ ของบริษัท ไซโก เอปสัน) คาลิเบอร์ สปริงไดรฟ์ ของ Grand Seiko ได้รวบรวมที่สุดของระบบจักรกล (ให้แรงบิดสูงและมีแหล่งพลังงานที่ต่อเนื่อง) และระบบอิเล็กทรอนิก (ให้ความแม่นยำสูงและมีเสถียรภาพสูง) เข้าไว้ด้วยกัน สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานว่า สปริงไดรฟ์ กลไกชนิดนี้ใช้ระบบขบวนเฟืองจักรกลเป็นแรงขับเคลื่อน โดยมีสปริงลานและตลับลานเป็นแหล่งพลังงานแต่เพียงอย่างเดียว และนำมาจับคู่กับการควบคุมด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะให้ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือได้ในระดับสูงสุด คุณสมบัตินี้ยังคงอยู่อย่างครบถ้วนในนาฬิกา สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ ของ Grand Seiko ซึ่งอาจทำให้เป็นกลไกจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงสุดในหมู่บรรดากลไกโครโนกราฟระบบจักรกลทั้งมวลที่มีจำหน่ายอยู่ในขณะนี้

Grand Seiko แนะนำคาลิเบอร์ 9R86 กลไก สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ คาลิเบอร์แรกของตนออกสู่ตลาดใน ค.ศ.2007
คาลิเบอร์ 9R96 เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่นของคาลิเบอร์ 9R86 ที่ได้รับการปรับตั้งให้มอบความแม่นยำได้สูงขึ้นไปอีกระดับ

นวัตกรรม – สปริงไดรฟ์

แทนที่จะใช้ระบบการควบคุมแบบดั้งเดิมที่กระทำผ่านกลไกปล่อยจักร กลไก สปริงไดรฟ์ จะใช้ตัวควบคุมที่เรียกว่า Tri-Synchro Regulator (ไตร-ซิงโคร เรกูเลเตอร์) ซึ่งจะควบคุมพลังงาน 3 รูปแบบ ได้แก่ จักรกล ไฟฟ้า และแม่เหล็กไฟฟ้า มากำหนดการบอกเวลาของกลไก กลไกชนิดนี้ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า แต่จะผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เพียงพอสำหรับจ่ายให้กับวงจรรวมจากการคลายของสปริงลาน โดยพื้นฐานแล้ว ระบบสปริงไดรฟ์ เป็นการใช้คุณสมบัติที่ดีที่สุดจากทั้งกลไกระบบจักรกลและกลไกระบบควอตซ์ และกำจัดจุดอ่อนบางประการของกลไกแต่ละระบบ เช่น จุดอ่อนของกลไกปล่อยจักรในกลไกระบบจักรกล และการต้องพึ่งพาพลังงานจากแบตเตอรี่ของกลไกระบบควอตซ์

กลไกโครโนกราฟระดับเรือธงของ Grand Seiko คือ กลไก สปริงไดรฟ์ คาลิเบอร์ 9R86 อันเป็นกลไกที่มีความซับซ้อนสูงซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนมากกว่า 400 ชิ้น กลไกแต่ละเครื่องถูกประกอบขึ้นด้วยมือโดยเหล่าช่างฝีมือผู้มีทักษะสูงของ Grand Seiko กลไกคาลิเบอร์นี้สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง (แม้ในขณะที่ระบบโครโนกราฟจับเวลากำลังทำงานอยู่) และนอกจากคุณสมบัติของระบบโครโนกราฟที่สามารถจับเวลาที่ล่วงผ่านไปได้ถึง 12 ชั่วโมงแล้ว ยังมีฟังก์ชั่น GMT (จีเอ็มที) ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่สามารถดูเวลาของอีกเขตเวลาหนึ่งได้ คาลิเบอร์ 9R86 มีอัตราความแม่นยำถึง +/-15 วินาทีต่อเดือน ส่วนคาลิเบอร์ 9R96 ที่ได้รับการปรับตั้งมาเป็นพิเศษจะให้อัตราความแม่นยำถึง +/-10 วินาทีต่อเดือน ที่สำคัญก็คือ กลไกทั้ง 2 คาลิเบอร์นี้สามารถจับเวลาที่ล่วงผ่านไปได้ถึง 12 ชั่วโมงด้วยความแม่นยำในระดับเดียวกัน

รูปแบบดั้งเดิม – Column Wheel และ Vertical Clutch

Grand Seiko ใช้คุณสมบัติของ 2 รูปแบบกลไกอันเป็นที่ยอมรับในความเยี่ยมยอดมาอย่างยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งฟังก์ชั่นโครโนกราฟที่มีความแม่นยำและไม่มีข้อผิดพลาด

รูปแบบกลไกแรกก็คือ Column Wheel (คอลัมน์วีล) ชิ้นส่วนโครงสร้างคล้ายป้อมปืนที่อยู่ในกลไกโครโนกราฟซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของการจับเวลา และยังทำให้เกิดความรู้สึกที่ชัดเจนในขณะทำการใช้งานกลไกจับเวลา ผู้ใช้งานจะรู้สึกถึง “จังหวะคลิก” ที่เด็ดขาดซึ่งทำให้มั่นใจถึงความแม่นยำในการเริ่ม หยุด และรีเซ็ต การจับเวลา เนื่องจากโครงสร้างที่มีความซับซ้อน จึงไม่ได้พบเห็น Column Wheel กันได้ทั่วไปในกลไกโครโนกราฟยุคปัจจุบันเนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า ทั้งยังต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าในการผลิตและตกแต่ง

แสดง Column Wheel และ Vertical Clutch Spring ให้เห็นชัดเจนด้วยแบบจำลองขนาดใหญ่

รูปแบบกลไกที่สอง คือ Vertical Clutch (เวอร์ติคัล คลัตช์ – คลัตช์แนวดิ่ง) ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังสำหรับกลไกโครโนกราฟที่มีความน่าเชื่อถือสูง และเป็นระบบที่ผู้หลงใหลในกลไกจักรกลชื่นชอบมากกว่าระบบ Horizontal Clutch (ฮอริซอนทัล คลัตช์ – คลัตช์แนวระนาบ) ที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพด้อยกว่า โดย Vertical Clutch จะประสานจักรจับเวลาวินาทีเข้ากับจักรวินาทีที่ทำงานอย่างต่อเนื่องในแนวดิ่งโดยใช้แรงสปริงในการ “ปล่อย” คลัตช์แทนการประกบเฟืองเข้าด้วยกันในแนวระนาบ

กลไกรูปแบบนี้มีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อประสิทธิภาพการทำงานและความยาวนานของอายุการใช้งาน Vertical Clutch จะส่งพลังงานโดยตรงจากสปริงลานไปยังกลไกโครโนกราฟและทำให้มั่นใจได้ว่าเข็มจับเวลาจะไม่มีการอยู่ผิดตำแหน่งหรือเกิดการเคลื่อนกระโดดในขณะเริ่มทำการจับเวลา กลไก สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ ของ Grand Seiko ใช้ดีไซน์ Vertical Clutch ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างด้วยลักษณะของ Clutch Spring (คลัตช์ สปริง) ซึ่งเป็นรูปแบบของ Grand Seiko เอง

การจับเวลาและการอ่านค่าได้อย่างแม่นยำ

ความรู้สึกในการสัมผัสปุ่มกดจับเวลาได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาจับเวลาที่สร้างขึ้นในทศวรรษที่ 1960s ปุ่มกดนี้มีลักษณะแบบ “เตรียม-ระวัง-ไป” ซึ่งผู้ใช้สามารถกดปุ่มลงไปครึ่งหนึ่งเพื่อรั้งการจับเวลาไว้ในขณะที่เหตุการณ์ที่จะจับเวลากำลังจะเริ่มต้น จากนั้นจึงกดปุ่มลงไปจนถึงจังหวะคลิกเมื่อเหตุการณ์ที่จะจับเวลาเริ่มต้นขึ้น ลักษณะเช่นนี้เหมือนกับการทำงานของชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ การจับเวลาที่มีความแม่นยำยิ่งขึ้น

Caliber 9R96.

ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งานนาฬิกา Grand Seiko จึงได้สร้างนาฬิกาโครโนกราฟที่มีประสิทธิภาพในด้านการแสดงข้อมูลจำนวนมากได้ในทันทีโดยไม่สูญเสียความสามารถในการอ่านค่าไป

มาตรจับเวลาบนหน้าปัดถูกจัดวางตำแหน่งให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน มาตรจับเวลา 30 นาทีวางตำแหน่งอยู่ที่ราว 2 นาฬิกา มาตรจับเวลา 12 ชั่วโมงอยู่ต่ำลงมาที่ราว 4 นาฬิกา ขณะที่เข็มวินาทีถูกวางตำแหน่งไว้ที่ 9 นาฬิกา ส่วนเข็ม GMT จะทำให้ดูเวลาของเขตเวลาที่สองได้ และมีเข็มแสดงพลังงานสำรองอยู่ใกล้กับตำแหน่ง 7 นาฬิกา แม้จะมีการแสดงข้อมูลต่าง ๆ มากมาย แต่ก็ยังคงอ่านค่าบนหน้าปัดได้อย่างง่ายดายด้วยรูปแบบของตำแหน่งการแสดงข้อมูลซึ่งจะดึงดูดสายตาไปยังมาตรจับเวลาแนวดิ่งที่อยู่ทางฝั่งขวาของหน้าปัดในทันที

SBGC201

สเกลหลักวินาทีถูกวางตำแหน่งเยื้องกันไปตามแนวขอบหน้าปัดเพื่อสร้างหน่วยวัดที่อ่านค่าได้ง่ายโดยมีระดับความละเอียดถึง 1/5 วินาที ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่เข็มจับเวลาวินาทีเคลื่อนตัวด้วยการเลื่อนอย่างราบรื่นโดยไม่มีจังหวะขยับ จึงทำให้สามารถจับค่าของเวลาที่ผ่านไปได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นเพราะการเคลื่อนตัวของเข็มจะหยุดลงในทันทีเมื่อปุ่มจับเวลาถูกกด

สร้างมาตรฐานใหม่

นาฬิกา สปริงไดรฟ์ GMT โครโนกราฟ ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมายของ Grand Seiko สะท้อนถึงคุณค่าหลักของแบรนด์ อันได้แก่ ความแม่นยำ ความชัดเจน ความทนทาน และความงดงาม ด้วยแรงบันดาลใจจากอดีตแต่ก้าวเท้าข้างหนึ่งอย่างมั่นคงไปสู่อนาคตอยู่เสมอ Grand Seiko จึงเป็นนาฬิกาที่มีความแม่นยำและไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง

อ่านต่อ