— นาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของญี่ปุ่น —
ตัวผมเองได้มีโอกาสพบกับรุ่น SBGA413 เป็นครั้งแรกเมื่อทาง Grand Seiko ทำการเปิดตัว เจแปน ซีซันส์ สเปเชียล เอดิชั่น นาฬิกาเอดิชั่นพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากฤดูกาลต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ผมให้ความสนใจกับนาฬิการุ่นต่าง ๆ ที่เปิดตัวออกมาในครั้งนั้น โดยมี SBGA415 เป็นรุ่นที่ดึงดูดสายตาของผมเป็นพิเศษ ด้วยรูปลักษณ์โดยรวมที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม จากคุณลักษณะที่ดูแข็งแรงแบบนาฬิกาสไตล์ดั้งเดิม และทำงานด้วยกลไกชนิดสปริงไดรฟ์ ร่วมกับหน้าปัดโทนสีเทาที่มีสัมผัสเล็ก ๆ ของสีน้ำเงินและสีทองซึ่งเป็นรูปแบบที่ผมชื่นชอบ ในขณะที่รุ่น SBGA413 ซึ่งใช้สีพื้นหน้าปัดออกไปในทางสีชมพูนั้น ดูแปลกตาเกินไปสำหรับผม แต่บัดนี้ ความรู้สึกของผมได้เปลี่ยนไปแล้ว
ผมติดต่อไปที่ Grand Seiko เพื่อขอสัมผัสกับรุ่น SGBA415 อย่างใกล้ชิด และผมจำได้ว่าผมเปิดกล่องนาฬิกาออกมาอย่างใจจดใจจ่อ เพราะคาดหวังว่าจะได้พบกับรุ่น 415 แต่พอนำนาฬิกาไปอยู่ใต้แสงไฟ ผมก็พบว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ เพราะสีหน้าปัดไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ด้วยความที่มันไม่ได้เป็นหน้าปัดสีเงินปกติ แต่มีโทนสีชมพูระเรื่ออยู่ด้วย ผมได้นาฬิกามาผิดรุ่นหรือเปล่านะ ใช่แล้ว มันผิดรุ่นจริง ๆ แต่กลับปรากฎว่ามันเป็นความบังเอิญที่น่ายินดีมาก
เมื่อผมสวมใส่รุ่น SBGA413 ลงบนข้อมือเป็นครั้งแรก ผมรู้สึกได้ถึงความพิเศษที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน การผสมผสานระหว่างวัสดุไทเทเนียมน้ำหนักเบาและดีไซน์ของตัวเรือนมอบความสบายในขณะสวมใส่อย่างเหลือเชื่อ จนรู้สึกว่าเป็นเหมือนส่วนประกอบร่วมของข้อมือมากกว่าที่จะเป็นแค่เครื่องประดับ ความสบายเช่นนี้ เมื่อรวมเข้ากับรูปลักษณ์ที่สวยงามของนาฬิกา ทำให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นชิ้นงานที่โดดเด่นในความรู้สึกของผม และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มชื่นชมเสน่ห์เฉพาะตัวของนาฬิการุ่นนี้ และตระหนักรู้ได้ว่า รุ่น SBGA413 นี้ มีความพิเศษเพียงใด
การเล่นสีที่สลับไปมาอย่างละเอียดอ่อนบนหน้าปัด โดยเป็นการสลับกันระหว่างสีชมพูและสีเงินตามมุมแสงที่ตกกระทบทำให้ SBGA413 เป็นนาฬิกาที่ใช้งานได้ในหลากหลายโอกาสอย่างเหลือเชื่อ ลักษณะของสีกับพื้นผิวที่เปลี่ยนแปลงจากคาเมเลี่ยนเอฟเฟคนี้ชวนให้เกิดความหลงใหลและช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับนาฬิกา อีกทั้งลายผิวบนพื้นผิวหน้าปัดยังเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบจากความไม่เรียบเสมอกัน ลวดลายแบบสุ่ม และการกระจัดกระจาย ก่อเกิดเป็นความละม้ายคล้ายกับภาพปะติดปะต่อกันบนหน้าปัดซึ่งดูน่าหลงใหลมาก พื้นผิวหน้าปัดเช่นนี้เมื่อรวมเข้ากับสีที่ใช้แล้ว จะดึงดูดผู้คนและทำให้นาฬิการุ่นนี้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น และจากการที่หน้าปัดของ Grand Seiko มีรูปแบบอันหลากหลายตั้งแต่ความละเอียดอ่อนไปจนถึงความซับซ้อน หน้าปัดของ SBGA413 จึงเป็นอีกความโดดเด่นที่สะดุดสายตามากเป็นพิเศษ
Grand Seiko มีประวัติอยู่มากมายในเรื่องการสร้างนาฬิกา และดีไซน์ตัวเรือนของ SBGA413 ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 62GS หนึ่งในนาฬิการะดับไอคอนที่ย้อนอดีตกลับไปได้ถึง ค.ศ.1967 ดีไซน์ของ 62GS ถูกนำมาขัดเกลาออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน และได้กลายเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหมู่ผู้คนที่หลงใหลในเรื่องของนาฬิกามากขึ้นเรื่อย ๆ การตีความดีไซน์การออกแบบของตัวเรือนแบบ 62GS ขึ้นใหม่นี้ มอบความทันสมัยด้วยเส้นสายที่คมชัดและการไร้ซึ่งวงขอบตัวเรือนแบบปกติ ลักษณะทั้งสองนี้สร้างความโดดเด่นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และมอบประสบการณ์การสวมใส่ที่ไม่เหมือนกับนาฬิกาอื่น ๆ การไม่มีวงขอบตัวเรือนแบบปกติและการติดตั้งกระจกหน้าปัดคริสตัลแซพไฟร์เข้าไปในตัวเรือน ทำให้นาฬิกาดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ดีไซน์ที่ไม่ธรรมดานี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความงดงามให้กับนาฬิกาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสบายในขณะสวมใส่อยู่บนข้อมืออีกด้วย
อีกสิ่งที่ทำให้ Grand Seiko แตกต่างจากนาฬิกาอื่น ๆ อย่างแท้จริง โดยเฉพาะกับรุ่น SBGA413 นี้ก็คือ การที่ทางแบรนด์ใช้วัสดุไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูงในการสร้างตัวเรือนและสาย ไทเทเนียมนั้นมักถูกมองว่าเป็นวัสดุที่ยากต่อการตกแต่งลายเส้นแบบซาตินและการขัดเงาให้เกิดความแวววาว แต่ Grand Seiko ใช้การขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึ เพื่อให้พื้นผิวมีความเรียบเสมอกัน ทำให้ไทเทเนียมเกิดการสะท้อนแสงได้ดีเทียบเท่ากับวัสดุสเตนเลสสตีล กระบวนการที่พิถีพิถันนี้ทำให้ได้มาซึ่งนาฬิกาที่ให้ความรู้สึกเบาสบายแต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความสวยงาม การสร้างตัวเรือนและสายด้วยไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูงซึ่งต่างจากวัสดุไทเทเนียมที่ใช้กันโดยทั่วไป เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีถึงฝีมือในการผลิต ดังนั้น นาฬิการุ่นนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในประสบการณ์การสัมผัสกับไทเทเนียมคุณภาพสูงในนาฬิการะดับหรูซึ่งมอบความรู้สึกที่ดีและรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่นเป็นยิ่งนัก
นาฬิกา SBGA413 วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ 40 มิลลิเมตร แต่กลับสร้างความรู้สึกที่เล็กกว่านั้น ส่งผลให้มีรูปร่างที่ดูพอดีกับข้อมือ ทั้งยังสวมใส่ใช้งานได้สะดวก จึงเป็นหนึ่งในนาฬิกา Grand Seiko ที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายโอกาสที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาที่มีตัวเรือนขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สำหรับผมแล้ว ปกติผมจะชอบนาฬิกาที่มีขนาด 38 ถึง 40 มิลลิเมตร และ SBGA413 ก็ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกเหนือจากเรื่องของขนาดแล้ว การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ยังช่วยปรับรูปทรงของตัวเรือนให้สวมใส่ได้สบายที่สุด และเมื่อจับคู่กับวัสดุตัวเรือนที่มีน้ำหนักเบาแล้ว SBGA413 จึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนาฬิกาในอุดมคติสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
งานฝีมือและนวัตกรรมของ SBGA413 นั้นมีมากกว่าแค่ในเรื่องของความงดงามและความสบายในการสวมใส่ เพราะนาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกชนิดสปริงไดรฟ์ ของ Grand Seiko ซึ่งผสานแรงบิดระดับสูงของกลไกนาฬิกาชนิดจักรกลจากการขับเคลื่อนของสปริงลาน เข้ากับความแม่นยำระดับสูงของนาฬิกาชนิดควอตซ์ ทำให้มั่นใจได้ทั้งในเรื่องของความแม่นยำและความน่าเชื่อถืออันเหนือชั้น การเคลื่อนที่ของเข็มวินาทีที่เลื่อนไหลไร้การสะดุดก็ยิ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้ดูงามสง่า และย้ำให้เห็นถึงความแข็งแรงที่สร้างขึ้นด้วยคุณภาพระดับสูง
ความบังเอิญแต่นำมาซึ่งความสุขที่เกิดขึ้น ทำให้ผมค้นพบสิ่งที่น่าทึ่งในรุ่น SBGA413 และทำให้เกิดความเซอร์ไพรส์กับผมในฐานะการเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของผม ดีไซน์การออกแบบอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร หน้าปัดที่สวยงามในแบบลึกลับ และงานฝีมือชั้นยอด ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความโดดเด่นแบบเฉพาะตัวอยู่ในคอลเลกชั่นของ Grand Seiko โดยมีการผสมผสานระหว่างรูปแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมอันเป็นเรื่องที่ทำให้ Grand Seiko มีชื่อเสียงโด่งดัง SBGA413 จึงมิใช่เป็นเพียงแค่นาฬิกาเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของ Grand Seiko ในการสร้างความประหลาดใจและมอบความสุขด้วยผลงานสร้างสรรค์ของพวกเขา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสะสมนาฬิกาเรือนหรูตัวยงหรือมือใหม่ก็ตาม นาฬิการุ่น SBGA413 ได้มอบประสบการณ์ทั้งในเรื่องความสวยงามและความน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ภาพโดย Teddy Baldassarre
บทความโดย Teddy Baldassarre
Teddy Baldassarre เป็นเจ้าของวิดีโอคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ด้านนาฬิกาที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ก่อตั้ง TeddyBaldassarre.com ผ่านสื่อต่างๆ ที่มีผู้เข้าชมมากกว่า 8 ล้านคนทุกเดือน Teddy ได้กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในหมู่นักสะสมนาฬิกาสมัยใหม่และเป็นผู้นำในการนำเสนอศาสตร์เกี่ยวกับเครื่องบอกเวลา