ที่งานแสดงนาฬิกา วอทเชส แอนด์ วันเดอร์ส เจนีวา เมื่อปีที่แล้ว Grand Seiko ได้ทำการเปิดตัวนาฬิกาสปอร์ต กลไกสปริงไดรฟ์ จากคอลเลกชั่น Evolution 9 (เอโวลูชั่น ไนน์) ออกมาถึง 3 รุ่นด้วยกัน การเปิดตัวของทั้งสามนี้มาพร้อมกับการเพิ่มความชัดเจนในการอ่านค่าและความกระชับสบายในการสวมใส่ให้กับบางรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ผ่านรหัสการดีไซน์ Evolution 9 รหัสการออกแบบซึ่งมีรากฐานมาจาก Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) รหัสการดีไซน์แบบดั้งเดิมที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1967
ในหมู่นาฬิกาที่ออกมาใหม่นี้ก็มีรุ่นสปริงไดรฟ์ ไดเวอร์ 200 เมตร นาฬิกาดำน้ำ Grand Seiko แบบการผลิตปกติรุ่นแรกที่ได้ใช้กลไกคาลิเบอร์ใหม่ 9RA5 ซึ่งสำรองพลังงานได้ 5 วัน รวมอยู่ด้วย 9RA5 คือ กลไกสปริงไดรฟ์ เจเนอเรชั่นต่อไป ที่ซึ่งถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการออกแบบขนานใหญ่ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการทำงาน สิ่งเหล่านี้รวมถึงแผงวงจรใหม่ ตลับลานคู่ที่มีขนาดต่างกัน และออฟเซต เมจิกเลเวอร์ อีกทั้งตัวกลไกยังมีขนาดบางลงและมีโครงสร้างที่แข็งแรงยิ่งขึ้น (กว่ากลไกอัตโนมัติ 9R คาลิเบอร์ก่อน ๆ) และให้ความแม่นยำสูงถึง ±10 วินาทีต่อเดือน โดยมีพลังงานสำรองยาวนานถึง 5 วัน
นอกจากกลไกคาลิเบอร์ใหม่ และดีไซน์แบบ Evolution 9 อันเป็นรูปแบบของเจเนอเรชั่นถัดไปแล้ว คุณลักษณะอันโดดเด่นอีกประการหนึ่งของนาฬิกาดำน้ำที่เปิดตัวออกมาเมื่อปีที่แล้วก็คือ หน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระแสน้ำคูโรชิโอะ หรือที่รู้จักกันในนาม แบล็ก สตรีม (กระแสน้ำสีดำ) หนึ่งในกระแสน้ำในมหาสมุทรกระแสสำคัญของโลก ซึ่งการไหลของกระแสน้ำคูโรชิโอะนั้นมีอิทธิพลต่อน่านน้ำบริเวณชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับกระแสน้ำโอยะชิโอะ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสารอาหาร จึงทำให้เกิดเป็นภูมิภาคมหาสมุทรที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มาถึงปีนี้ Grand Seiko ก็ได้เผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ของนาฬิกาดำน้ำ Evolution 9 สปริงไดรฟ์ ที่มาพร้อมกับวงขอบตัวเรือนเซรามิกและหน้าปัดแบบ “Ushio” (ยูชิโอะ) ในโทนสีน้ำเงินแห่ง Grand Seiko ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง “น้ำขึ้นน้ำลง” ด้วยโทนสีใหม่นี้ รูปแบบลวดลายอันโดดเด่นของนาฬิกาที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาจึงอ่านค่าได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่อาจลดความลึกลับลงไปเล็กน้อย หลักชั่วโมงทุกชิ้นกับเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาที ถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบรท์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถอ่านค่าเวลาจากนาฬิการุ่นนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะจงใจออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งบนเรือในช่วงเวลากลางวัน ในขณะกำลังดำน้ำ และในสภาพแวดล้อมอันมืดมิด
คุณลักษณะที่เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์ของ Evolution 9 Style (เอโวลูชั่น ไนน์ สไตล์) แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนใน SLGA023 รุ่นนี้ ตัวเรือนและสายของ SLGA023 ถูกผลิตขึ้นจากไทเทเนียม ชนิดความหนาแน่นสูง เช่นเดียวกับรุ่น SLGA015 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 43.8 มม. กับความหนา 13.8 มม. และมาพร้อมกับความงามโดดเด่นของแนวตัดเจียรดุจเหลี่ยมเพชรบริเวณขาตัวเรือนและบ่าปกป้องเม็ดมะยม และด้วยระยะความกว้างระหว่างขาตัวเรือนที่ 23 มม. ข้อสายไทเทเนียมทางด้านบนจึงมีขนาดกว้างกว่า โดยจะเรียวแคบลงมาจรดตัวล็อกที่เป็นบานพับแบบ 3 ทบ ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายและความมั่นคงของนาฬิกาขณะอยู่บนข้อมือ
ราคาสำหรับรุ่น SLGA023 อยู่ที่ 467,000 บาท โดยจะมีจำหน่ายทั้งที่บูติกของ Grand Seiko เอง และผู้แทนจำหน่ายบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2023 เป็นต้นไป
พบกับภาพถ่ายของนาฬิกาเรือนจริงได้ที่ด้านล่าง (ซึ่งเป็นนาฬิกาตัวอย่างที่ไม่สามารถใช้งานได้)