ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของ ชินชู วอทช์ สตูดิโอ สถานที่ซึ่ง Grand Seiko ผลิตนาฬิกาสปริงไดรฟ์ทุกรุ่น เป็นที่ตั้งของทะเลสาบซูวะ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจให้แก่เหล่านักประดิษฐ์นาฬิกาและนักออกแบบของ Grand Seiko อยู่เสมอ ดังที่ปรากฏให้เห็นในรุ่นคลาสสิกของ Grand Seiko อย่าง SBGY007 “โอมิวาตาริ” และรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งผลิตจำนวนจำกัดอย่าง SLGA007 เป็นต้น
SLGA021 คือ นาฬิกา Grand Seiko รุ่นล่าสุดที่นำลักษณะของทะเลสาบซูวะ มาถ่ายทอดผ่านดีไซน์ของนาฬิกา เมื่อมองไปยังหน้าปัด จะทำให้นึกถึงริ้วคลื่นที่ซัดสาดอย่างแผ่วเบาเหนือผิวน้ำซึ่งมีลมพัดผ่านได้ในทันที รูปแบบ “ทะเลสาบซูวะ” ปรากฏให้เห็นครั้งแรกในรุ่น SLGA007 เมื่อปี 2021 ส่วนหน้าปัดของ SLGA021 รุ่นนี้ ถูกตกแต่งด้วยสีน้ำเงินเข้ม ที่ดูแทบจะเป็นสีดำเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ซึ่งเป็นการนำเสนอภาพทิวทัศน์ของทะเลสาบซูวะก่อนเวลารุ่งสาง หลักชั่วโมงและเข็มที่มีขนาดกว้าง ทั้งหมดได้รับการเจียระไนและตกแต่งอย่างสวยงาม ถูกนำมาใช้ร่วมกับพื้นหลังสีเข้มเพื่อเสริมสร้างความชัดเจน ความงดงาม และความโดดเด่นในภาพรวม
Evolution 9 (เอโวลูชัน ไนน์) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 ด้วยรุ่น SLGH002 นั้น เป็นผลงานที่แสดงถึงอนาคตต่อหลักการออกแบบของ Grand Seiko เป้าหมายการพัฒนาโครงการ Evolution 9 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2017 นั้น คือการนำเหล่าองค์ประกอบที่ดีที่สุดของภาษาการออกแบบเฉพาะ Grand Seiko มาใช้ และปรับปรุงด้วยวิถีที่แสดงถึงความเคารพต่อประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยยังคงคำนึงถึงอนาคตไปพร้อมๆ กันด้วย ดังนั้น แม้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากอดีต แต่ Evolution 9 ก็มีความคิดแบบก้าวหน้าในแนวทางของตนเองอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยการปรับแต่งอย่างครบถ้วนทั้งในด้านความสวยงาม ความชัดเจน และความสบายในการสวมใส่ สิ่งเหล่านี้เห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่หน้าปัดไปจนถึงการออกแบบตัวเรือนและสายของนาฬิกา
ตัวเรือนสเตนเลสสตีล มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. ความหนา 11.8 มม. และมีความยาวระหว่างขาตัวเรือนด้านบนกับด้านล่างอยู่ที่ 47.6 มม. รูปทรงโดยรวม มีลักษณะที่บางลงและมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ทำให้สวมใส่ได้กระชับและสบาย เป็นการคำนึงถึงลักษณะการวางตัวเรือนไว้บนข้อมือและการกระจายน้ำหนัก
ตัวเรือนชิ้นกลางที่ได้รับการตัดเจียรดุจเหลี่ยมเพชร มีแนวขาตัวเรือนที่แผ่กว้างและมีรูปทรงเรขาคณิตที่โดดเด่น ทำให้ใช้ประโยชน์จากการขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึและการตกแต่งแนวเส้นละเอียดแบบแฮร์ไลน์ได้อย่างเต็มที่ ความเปรียบต่างของการตกแต่งเช่นนี้ สามารถมองเห็นได้โดยตรงตามแนวขาตัวเรือนและวงขอบตัวเรือน ซึ่งทำให้ดีไซน์ดูมีชีวิตชีวาจากการเล่นกับแสงอย่างสวยงาม สิ่งนี้ต้องใช้ทักษะในระดับสูงเพื่อให้ได้มาซึ่งงานตกแต่งที่มีระดับรายละเอียดสูงบนการออกแบบอันซับซ้อนเช่นนี้ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากการกระทำด้วยมือเท่านั้น
สายนาฬิกาใช้ดีไซน์แบบ 5 ชิ้น ผสานเข้ากับระยะความกว้าง 22 มม. ระหว่างขาตัวเรือนได้อย่างงดงาม ขนาดสายที่กว้างขึ้นนี้ จะลาดลู่ไปสู่ตัวล็อกเพื่อเพิ่มความมั่นคงยามอยู่บนข้อมือ และเสริมสร้างรูปลักษณ์แบบร่วมสมัยให้กับตัวเรือนในภาพรวม
ภายในตัวเรือนนาฬิกาถูกบรรจุด้วย คาลิเบอร์ 9RA2 ของ Grand Seiko กลไกสปริงไดรฟ์ ที่สำรองพลังงานได้ถึง 120 ชั่วโมง (5 วัน) และได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำถึง ±0.5 วินาทีต่อวัน หรือเท่ากับ ±10 วินาทีต่อเดือน คาลิเบอร์ 9RA2 นี้แตกต่างจากกลไกสปริงไดรฟ์โดยส่วนใหญ่ของ Grand Seiko เพราะได้ทำการย้ายเข็มแสดงพลังงานสำรองจากบนหน้าปัดไปอยู่ที่ด้านหลังของนาฬิกา
นวัตกรรมมากมายในการพัฒนากลไกซีรีส์ 9RA ของ Grand Seiko ทำให้รูปร่างโดยรวมมีขนาดที่บางลงถึง 5 มม. การใช้ตลับลานคู่ที่มีขนาดต่างกัน มาจัดวางในระนาบเดียวกัน ทำให้สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาขนาดความบางให้กับตัวกลไกได้ เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ตลับลานที่มีขนาดเท่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นตัว ออฟเซ็ต เมจิก เลเวอร์ ซึ่งอยู่ที่ใต้โรเตอร์ ยังลดความหนาของตัวกลไกลงได้อีก 0.8 มม. ประการสุดท้ายก็คือ ขบวนเฟืองที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้พอดีตามแกนแนวนอนที่อยู่ตรงกลาง และมีความมั่นคงด้วยสะพานจักรกลางแบบชิ้นเดียว
ด้วยคาลิเบอร์สปริงไดรฟ์ที่ล้ำยุคเครื่องนี้ เข็มวินาทีจะเคลื่อนผ่านพื้นผิวหน้าปัดสีน้ำเงินที่งดงามของ SLGA021 ดุจการไหลผ่านของเวลาตามธรรมชาติ ก่อเกิดเป็นภาพทะเลสาบอันเงียบสงบที่ถูกสายลมยามเช้าพัดผ่าน รูปแบบล่าสุดของ “ทะเลสาบซูวะ” ในคอลเลกชั่น Evolution 9 รุ่นนี้ จะวางจำหน่ายที่แกรนด์ ไซโก บูติก และตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปด้วยราคา 408,900 บาท