การออกแบบของนาฬิกา Grand Seiko ซึ่งบรรจุเครื่องคาลิเบอร์ 9SA5 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ใน ค.ศ.2020 นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แต่แก่นแท้ของนาฬิการุ่นนี้ก็ยังคงสืบทอดมรดกแห่ง Grand Seiko โดยสมบูรณ์ องค์ประกอบการออกแบบของนาฬิกา Grand Seiko ได้รับการจัดระเบียบในลักษณะของรหัสการออกแบบซึ่งก็ถูกผสานรวมอยู่ในรูปแบบ Evolution 9 Style แล้วจุดมุ่งหมายที่ Kiyotaka Sakai (คิโยทากะ ซากาอิ) ผู้สร้างสรรค์ดีไซน์รูปแบบใหม่พยายามจะแฝงไว้ในการออกแบบคืออะไร?
Kiyotaka Sakai นำรหัสดีไซน์แบบใหม่มาสู่ Grand Seiko โดยตั้งแต่เขาเข้าร่วมงานกับบริษัทในปี 2012 Sakai ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบรุ่นสำหรับตลาดต่างประเทศ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการออกแบบรุ่นสำหรับตลาดในประเทศญี่ปุ่นด้วย หลังจากออกแบบรุ่น Prospex (พรอสเป็กซ์) ที่เป็นการตีความแบบสมัยใหม่ของนาฬิกาดำน้ำจากปี 1968 ที่เปิดตัวในปี 2018 แล้ว เขาก็ได้สร้างรูปแบบ Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) ขึ้นมา
44GS ที่เปิดตัวสู่ตลาดในปี 1967 เป็นนาฬิกาที่ได้กำหนดปรัชญาการออกแบบของ Grand Seiko ขึ้นมาซึ่งอันที่จริงแล้ว องค์ประกอบการออกแบบที่รวมอยู่ใน 44GS นั้น ในเวลาต่อมาได้ถูกประมวลมาเป็นรูปแบบ Grand Seiko Style ซึ่งเป็นลักษณะที่ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนกับการออกแบบของ Grand Seiko โดยในบรรดาผู้ผลิตนาฬิกาที่มีอยู่มากมายในโลกนั้น Grand Seiko อาจเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ทำการรวบรวมรหัสการออกแบบของตนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
รหัสการออกแบบรูปแบบใหม่ที่ Grand Seiko นำมาใช้กับคอลเลกชั่น Evolution 9 เป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงของรูปแบบ Grand Seiko Style ธีมหลักของรหัสการออกแบบนี้ คือ อิสรภาพจากข้อจำกัดของเวลา โดยผู้ที่ได้รับการมอบหมายให้ออกแบบคอลเลกชั่นนี้ขึ้นมาก็คือ Kiyotaka Sakai
Sakai เล่าถึงวันที่เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคาลิเบอร์ใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับ Grand Seiko ในเดือนพฤศจิกายน 2018 ให้ฟังว่า “ผมรู้สึกว่านาฬิการุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องระดับสุดยอดเช่นนั้นจะต้องได้รับการออกแบบที่สามารถรวบรวมแก่นแท้ขององค์ประกอบทั้งหมดไว้ในตัวได้” ดีไซน์ใดที่จะเหมาะสมกับนาฬิกาที่ใช้เครื่อง คาลิเบอร์ 9SA5 ซึ่งเป็นเครื่องอัตโนมัติคาลิเบอร์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพแสนโดดเด่น และจุดเริ่มต้นของ Sakai ก็คือ การตั้งคำถามว่า “ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น Grand Seiko เป็นนาฬิกาประเภทใด?”
ผลลัพธ์ก็คือ งานออกแบบของเขาสำหรับรุ่น SLGH005 หรือที่รู้จักกันในนาม “White Birch” ซึ่งรวมองค์ประกอบการออกแบบไว้ 9 ประการด้วยกัน รูปทรงของ SLGH005 ได้ถูกกลั่นออกมาในรูปแบบของรหัสการออกแบบซึ่งต่อมาได้ถูกรวมเข้าเป็น Grand Seiko Evolution 9 Style ดีไซน์แบบใหม่นี้มีหลักการสำคัญอยู่ 3 ประการ ได้แก่ วิวัฒนาการของความงดงามและความชัดเจนในการอ่านค่าอันเป็นสิ่งที่ Grand Seiko ใฝ่หามาตลอด ควบคู่ไปกับหลักการใหม่ นั่นก็คือ วิวัฒนาการของความสบายอันเลอเลิศในการสวมใส่
SLGH005 ที่บรรจุด้วยเครื่องอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 9SA5 สามารถกล่าวได้ว่าเป็นที่มาของ Evolution 9 Style พื้นที่อันกว้างขวางของพื้นผิวแนวเส้นละเอียดแบบ แฮร์ไลน์ ช่วยเสริมความโดดเด่นของพื้นผิวดุจกระจกเงาที่อยู่ระหว่างกลาง
SLGA009 ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่อง Grand Seiko Spring Drive 5 Days (แกรนด์ ไซโก สปริง ไดรฟ์ ไฟว์ เดย์ส) แนวปาดเอียงย้อนกลับที่ด้านข้างของตัวเรือนรูปแบบ Grand Seiko Style ถูกนำมาใช้บนส่วนปลายขาตัวเรือนของ SLGA009 “ผมสร้างแนวปาดเอียงย้อนกลับที่ส่วนปลายขาตัวเรือนเพื่อสร้างความรู้สึกเบาให้กับตัวเรือน” Kiyotaka Sakai ผู้สร้างสรรค์งานออกแบบกล่าว
การไล่ระดับของแนวเส้นละเอียดแบบ แฮร์ไลน์ ช่วยเพิ่มแสงและเงาเพื่อให้ดูมีลักษณะเป็น 3 มิติยิ่งขึ้น
1. การตีความใหม่สู่ดีไซน์การออกแบบ
“บุคลิกลักษณะของ Grand Seiko คือ ความจริงจัง ความเรียบง่าย และความแข็งแกร่งในแง่ของการใช้งาน นอกจากนี้ เครื่องคาลิเบอร์ใหม่ 9SA5 ยังเป็นกลไกระดับปฏิวัติวงการอีกด้วย ดังนั้นผมจึงต้องการนำการตีความใหม่มาสู่ดีไซน์การออกแบบ” Kiyotaka Sakai
2. ปรับขาตัวเรือนให้เข้ากับรูปลักษณ์
“ขาตัวเรือนของ Grand Seiko นั้น เดิมทีจะถูกยืดออกไปจนสุดปลายโดยมุ่งเน้นไปที่ความกลมกลืนในการสวมใส่และรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจของตัวเรือน ในการออกแบบเบื้องต้นของ Evolution 9 เรายังได้พิจารณาถึงการดัดโค้งขาตัวเรือนลงสู่ด้านล่างด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดใจตัดส่วนปลายออกอย่างคมชัด” ขาตัวเรือนที่เฉียบคมทำให้เห็นถึงปรัชญาของรูปสลักซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะที่มีอิทธิพลต่อ Sakai
3. วัสดุที่ใช้ และการตกแต่งให้เข้ากับยุคใหม่
“วัสดุต่าง ๆ ที่มีน้ำหนักมากมักถูกใช้ในการสร้างรูปสลัก แต่งานที่ทำเสร็จแล้วจะต้องดูเบา และควรใช้รูปร่างที่ให้ความรู้สึกตึงแน่นมากกว่ารูปร่างที่ดูอ่อนและไม่กระชับ สำหรับรุ่นใหม่นี้ ผมต้องการสร้างตัวเรือนที่ให้ความรู้สึกมั่นคงแต่ดูมีน้ำหนักเบา” แต่ความรู้สึกเบาไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Sakai ใช้ เพราะเขายังออกแบบลักษณะการตกแต่งให้เข้ากับยุคใหม่ด้วย
4. ดีไซน์ที่เน้นเรื่องแสงและเงา
“ในดีไซน์ของ Evolution 9 ผมใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องแสงและเงา รุ่นก่อน ๆ ของ Grand Seiko มีการตกแต่งดุจกระจกเงาบนพื้นผิวกว้างเพื่อเน้นถึงความหรูหรา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นดีไซน์และการตกแต่งที่จะเข้ากันได้ดีเมื่อสวมใส่กับชุดสูทในฉากการทำธุรกิจที่เป็นทางการ ในทางกลับกันสำหรับ Evolution 9 นั้นผมคิดว่าเหมาะกับฉากการทำธุรกิจที่มีความร่วมสมัยมากกว่า และผมต้องการสร้างนาฬิกาที่จะดูดีเมื่อสวมใส่กับเครื่องแต่งกายที่ดูกระฉับกระเฉงได้เท่าการสวมใส่กับชุดสูท”
5. การตกแต่งกระจกเงา และ แฮร์ไลน์
ด้วยเหตุนี้ Sakai จึงลดการใช้ผิวตกแต่งดุจกระจกเงาซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในคุณลักษณะเฉพาะตัวของ Grand Seiko ดังที่เห็นได้ใน 44GS และแทนที่ด้วยการเพิ่มการตกแต่งแนวเส้นละเอียดแบบ แฮร์ไลน์ จุดมุ่งหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่แนวเส้นแบบ แฮร์ไลน์ แต่เพื่อเน้นความคมชัดระหว่างแสงและเงา “ในการลดพื้นที่การตกแต่งแบบผิวกระจกเงาและเพิ่มพื้นที่ให้กับการตกแต่งแนวเส้นแบบ แฮร์ไลน์ นั้น เป้าหมายของผมก็คือ การทำให้ผิวตกแต่งแบบกระจกเงาของตัวเรือนมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น การมีผิวตกแต่งแบบกระจกเงาที่น้อยกว่าเช่นนี้เน้นให้เห็นได้ชัดเจนกว่า คุณคิดอย่างนั้นไหม?” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความสมดุลที่คมชัดซึ่งเป็นคุณลักษณหนึ่งของ Grand Seiko รุ่นล่าสุดนี้ถูกเน้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ในตอนแรก ผมคิดว่าจะทำพื้นผิวด้านบนของวงขอบตัวเรือนให้เป็นแบบกระจกเงาด้วย แต่เนื่องจากพื้นผิวแบบกระจกเงาจะเก็บแสงและดูกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ผมจึงตัดสินใจเลือกการตกแต่งแนวเส้นแบบ แฮร์ไลน์ โดยออกแบบรูปทรงของแนวเส้นให้นาฬิกาดูน่าประทับใจยิ่งขึ้น ผมตั้งใจทำให้แนวเส้นมีความลึกมากขึ้นเพราะแนวร่องที่ตื้นจะทำให้นาฬิกาทั้งเรือนปรากฎเป็นสีขาวขุ่น” นอกจากนี้ ด้วยการตัดส่วนปลายของขาตัวเรือน นอกจากเขาจะรักษาความรู้สึกที่เป็น 3 มิติเอาไว้ได้อย่างชาญฉลาดแล้ว ลักษณะความเป็น 3 มิติของ Grand Seiko รุ่นล่าสุดเหล่านี้ยังดูเด่นชัดยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับ Evolution 9 Style แล้ว การทำให้อ่านค่าได้ง่ายเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของ Grand Seiko สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตามาสู่นาฬิการุ่นนี้ก็คือ ความสมดุลอย่างชัดเจนของหลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที
2. ปรับขนาดความกว้างที่ต่างกันของเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที
ความชัดเจนสูงในการอ่านค่าของนาฬิกาถูกเน้นด้วยหลักชั่วโมงขนาดใหญ่และขนาดความกว้างที่ต่างกันของเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที “ในระหว่างการลงลึกเข้าไปในฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ที่ Grand Seiko ต้องการนั้น ผมเกิดความคิดว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความชัดเจนที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ซึ่งก็ทำให้ผมตระหนักรู้ว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าจะปรับความกว้างของเข็มชั่วโมงและเข็มนาที ในดีไซน์ของแบบแรกนั้น ทั้งเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีส่วนปลายที่แหลม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตัดส่วนปลายของเข็มชั่วโมงเพื่อให้รับกับส่วนปลายของหลักชั่วโมง” เข็มชั่วโมงที่กว้างขึ้นช่วยให้ดูเวลาคร่าว ๆ ได้ในทันที และด้วยเข็มนาทีที่บางเฉียบ การมองในระดับที่ใกล้ขึ้นจะช่วยให้อ่านค่าเวลาได้แม่นยำยิ่งขึ้น นี่เป็นความคิดที่ลึกซึ้งในการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน
3. ลดช่องว่างระหว่างเข็มและหน้าปัด
1. หลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่มีขนาดกว้างกว่าดีไซน์เดิม
“ผมต้องการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่ใช้เครื่องคาลิเบอร์ระดับสูงของ Grand Seiko” Sakai กล่าวถึงแผนของเขาในการทำให้หลักชั่วโมงตำแหน่ง 12 นาฬิกามีขนาดกว้างกว่าดีไซน์แบบเดิม “การทำให้หลักชั่วโมงกว้างขึ้นมาจากการที่ผมต้องการทำให้มันมีความโดดเด่นสะดุดตาและรู้ได้ในทันทีที่ได้เห็นว่านี่คือ Grand Seiko รุ่นใหม่ ผมต้องการเน้นย้ำว่า นี่ไม่ใช่เพียงแต่เป็นไอคอนชิ้นใหม่เท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยแก่นแท้ของ Grand Seiko นั่นก็คือ ฟังก์ชั่นในการใช้งาน”
2. ปรับขนาดความกว้างที่ต่างกันของเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที
ความชัดเจนสูงในการอ่านค่าของนาฬิกาถูกเน้นด้วยหลักชั่วโมงขนาดใหญ่และขนาดความกว้างที่ต่างกันของเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที “ในระหว่างการลงลึกเข้าไปในฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ที่ Grand Seiko ต้องการนั้น ผมเกิดความคิดว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความชัดเจนที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ซึ่งก็ทำให้ผมตระหนักรู้ว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าจะปรับความกว้างของเข็มชั่วโมงและเข็มนาที ในดีไซน์ของแบบแรกนั้น ทั้งเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีส่วนปลายที่แหลม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตัดส่วนปลายของเข็มชั่วโมงเพื่อให้รับกับส่วนปลายของหลักชั่วโมง” เข็มชั่วโมงที่กว้างขึ้นช่วยให้ดูเวลาคร่าว ๆ ได้ในทันที และด้วยเข็มนาทีที่บางเฉียบ การมองในระดับที่ใกล้ขึ้นจะช่วยให้อ่านค่าเวลาได้แม่นยำยิ่งขึ้น นี่เป็นความคิดที่ลึกซึ้งในการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน
3. ลดช่องว่างระหว่างเข็มและหน้าปัด
นอกจากนี้ เข็มและหน้าปัดยังมีระดับที่ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย ก่อนหน้านี้นาฬิกา Grand Seiko มีช่องว่างระหว่างเข็มและหน้าปัดอยู่มาก แต่ระยะห่างนั้นถูกทำให้ลดลงใน Evolution 9 อีกทั้งเพื่อให้อ่านค่าบนนาฬิกาจากแนวทแยงได้ง่ายขึ้น เข็มนาทีและเข็มวินาทีจึงถูกดัดโค้งเข้าหาหน้าปัดอย่างเห็นได้ชัด และ “ส่วนแนววงแหวน” ที่ลาดลงจากเส้นรอบวงของหน้าปัดสู่ด้านในซึ่งมีสเกลนาทีพิมพ์อยู่บนแนวลาดนั้นถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อให้เข็มเข้าใกล้กับหลักสเกลมากที่สุด
1. จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ลดแรงสั่นสะเทือนของนาฬิกา และทำให้เครื่องบางลง
แง่มุมแรกที่ Sakai พูดถึงก็คือ จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ เช่นเดียวกับรถยนต์ ยิ่งจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ตัวนาฬิกาก็ยิ่งสั่นน้อยลง การวางตำแหน่งเครื่องให้ใกล้กับฝาหลังมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จะทำให้น้ำหนักของชิ้นส่วนหลักของ Evolution 9 อยู่ใกล้กับแขนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในนาฬิกา Grand Seiko รุ่นก่อน ๆ ซึ่งย้อนกลับไปได้ถึง 44GS นั้น ดีไซน์ทางด้านข้างของตัวเรือนจะแคบลงไปสู่ฝาหลัง แต่ครั้งนี้ นักออกแบบตั้งใจให้มีความหนาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย “การไม่ตัดเฉือนออกจากแนวขอบฝาหลังมากเกินไปจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ในระดับต่ำ” Sakai อธิบาย กระจกรูปทรง 3 มิติก็เป็นอีกความพยายามที่จะลดจุดศูนย์ถ่วงลงด้วยเช่นกัน แม้ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจริงจะมีเพียงเล็กน้อย แต่การใช้กระจกแซพไฟร์คริสตัลทรงกล่องหรือกระจกแซพไฟร์คริสตัลแบบแนวโค้งทั้ง 2 ฝั่งกระจกจะเก็บซ่อนความสูงของวงขอบตัวเรือนได้เป็นอย่างดีและทำให้ตัวเรือนโดยรวมดูบางลงอีกด้วย
2. เพิ่มความกว้างของสาย ช่วยกระจายน้ำหนักของนาฬิกา
สายข้อมือยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อครอบคลุมความใหม่ในทุกองค์ประกอบ ในรุ่นก่อนหน้านี้ ความกว้างของสายอยู่ที่ 20 มิลลิเมตร สำหรับตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร แต่สำหรับ Evolution 9 นั้น ความกว้างของสายได้ถูกเพิ่มขึ้นเป็น 22 มิลลิเมตร การขยายขนาดสายให้กว้างขึ้นจะช่วยกระจายน้ำหนักของนาฬิกา และเพิ่มความสบายในการสวมใส่
3. เพิ่มความหนาของสาย เพื่อให้สวมใส่ได้กระชับ
“นอกจากการขยายความกว้างของสายแล้ว เรายังเปลี่ยนตำแหน่งการยึดด้วย ข้อสายแต่ละชิ้นถูกทำให้สั้นลง 1 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ เพื่อให้สวมใส่ได้กระชับยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังเพิ่มความหนาเพื่อให้ดูเหมือนว่าขาตัวเรือนและสายถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน” สายที่หนาขึ้นช่วยให้ความสมดุลระหว่างน้ำหนักของตัวนาฬิกาและสายดีขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะได้รับการออกแบบใหม่ตั้งแต่ต้นด้วยรหัสการออกแบบใหม่ แต่ Sakai ก็ยังคงรักษาความรู้สึกแบบ Grand Seiko ไว้ในสายของนาฬิกาได้เป็นอย่างดี “เรามอบการตกแต่งแนวเส้นละเอียดแบบ แฮร์ไลน์ ให้กับสายข้อมือ ในขณะที่ยังคงรักษาข้อสายที่ถูกตกแต่งผิวแบบกระจกเงาอย่างที่เคยใช้กับสายข้อมือรุ่นก่อน ๆ เอาไว้ ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อสืบทอดดีไซน์การออกแบบของ Grand Seiko ในอดีตให้ดำเนินต่อไป”