ในปี 1998 เมื่อคาลิเบอร์ 9S ได้เปิดตัวครั้งแรกนั้น ถือเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกาจักรกลของ Grand Seiko ด้วยความก้าวหน้าอันน่าทึ่งในด้านการผลิตและงานฝีมือ คาลิเบอร์ 9S จึงถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยนำเสนอประสิทธิภาพในระดับที่เหนือชั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่าน Grand Seiko Standard ที่ถูกกำหนดขึ้นใหม่ นับแต่นั้นมา ซีรีส์ 9S เติบโตและเพิ่มจำนวนคาลิเบอร์ในตระกูลมาตลอด 25 ปี ซึ่งล่าสุดได้นำเสนอคาลิเบอร์สุดล้ำ 9SA5 ออกมาเมื่อปี 2020
สิ่งที่เคียงคู่มากับการเปิดตัวของกลไกในปี 1998 ก็คือ นาฬิกาดีไซน์ใหม่ที่เข้ากับลักษณะเฉพาะตัว ความแม่นยำและความรู้สึกด้านความงดงามในภาพรวม โนบุฮิโระ โคสุงิ ผู้เป็นหัวหน้านักออกแบบ ได้พยายามที่จะสร้าง “นาฬิกาสำหรับการใช้งานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เขาและทีมงานได้สร้างสรรค์ดีไซน์แบบใหม่บนพื้นฐานการออกแบบ Grand Seiko Style ซึ่งเป็นรูปแบบความงดงามที่ยังคงแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน
วันนี้ Grand Seiko ทำการฉลองวาระครบ 25 ปีแห่งการเปิดตัวครั้งแรกของคาลิเบอร์ 9S ด้วยนาฬิกาสุดพิเศษ 2 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นนั้น มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเรือนระดับสัญลักษณ์ อันเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้บรรจุกลไก 9S เป็นครั้งแรกในปี 1998 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มม. และความหนา 13.3 มม. ที่จับคู่กับสายสเตนเลสสตีล พร้อมตัวล็อกชนิดบานพับ 3 ทบ ของนาฬิกาเพื่อการรำลึกทั้ง 2 รุ่นนี้ ได้สะท้อนถึงดีไซน์แบบดั้งเดิมของ โคสุงิ ไปพร้อมกับการเชิดชูความงามของชิสุกุอิชิ
SBGH311 คือรุ่นแรกจากเรือนเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ด้วยพื้นผิวและสีเงินที่โดดเด่นของหน้าปัด สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของทะเลเมฆที่ปกคลุมภูเขาอิวาเตะในยามรุ่งสาง เป็นปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่ออากาศนิ่งและมีความชื้นมากจนมีเมฆหนาทึบซ้อนทับกัน ก่อเกิดเป็นลักษณะของทะเลสีขาวเงินอันน่าหลงใหลขึ้นมา กระบวนการขึ้นรูปโลหะด้วยวิธีไฟฟ้าเคมี ถูกนำมาใช้ในการสร้างลวดลายหน้าปัดแบบใหม่นี้ เพื่อให้ได้ลักษณะรอยที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในนาฬิกา Grand Seiko เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีที่ถูกเจียระไนดุจเพชร เข็มวินาทีที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อนจนเป็นสีน้ำเงิน และหลักชั่วโมง ร่วมกันนำเสนอความสวยงามและความชัดเจนซึ่งเป็นหลักการสำคัญแห่งภาษาการออกแบบของ Grand Seiko ทั้งยังมีการใช้ตราสัญลักษณ์ Grand Seiko สีทองเพื่อมอบความอบอุ่นท่ามกลางฉากหลังที่เยือกเย็นอีกด้วย
SBGH311 คือ การเปิดตัวครั้งแรกในโลกของการรวมกลไก ไฮ-บีท เข้ากับตัวเรือนขนาด 37 มม. แบบดั้งเดิม สิ่งที่มองเห็นได้ผ่านฝาหลังชนิดกรุกระจกแซพไฟร์คริสตัลก็คือ กลไกจักรกลอัตโนมัติ ไฮ-บีท 36000 คาลิเบอร์ 9S85 กลไกที่ยอดเยี่ยมนี้ถูกประกอบขึ้นด้วยมือโดยเหล่าช่างฝีมือทักษะสูงของ แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชุสุกุอิชิ โดยมาพร้อมกับอัตราความแม่นยำ +5/-3 วินาทีต่อวัน และสำรองพลังงานได้นานถึง 55 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมาพร้อมตุ้มถ่วงน้ำหนักที่ผ่านกระบวนการ อโนดิก ออกซิเดชั่น จนเกิดเป็นเฉดสีฟ้าที่สดใสและโดดเด่น แสดงถึงท้องฟ้าสีฟ้าเข้มเหนือทะเลเมฆ และมีตราสัญลักษณ์ของ Grand Seiko ฝังอยู่บน Oscillating weight ด้วย
SBGR325 นาฬิกาแห่งการรำลึกรุ่นที่สองนี้ มาพร้อมกับหน้าปัดสีฟ้า ที่ตกแต่งลายซันเรย์อันละเอียดอ่อนดุจแสงอาทิตย์ เพื่อแสดงถึงท้องฟ้าอันแจ่มใสที่มองเห็นได้จากบนยอดเขาอิวาเตะ พื้นผิวที่โดดเด่นนี้สามารถสะท้อนแสงได้จากทุกมุม และจับคู่อย่างงดงามเข้ากับเข็มและหลักชั่วโมงที่ได้รับการตัดเจียรดุจเพชร เข็มวินาทีที่ผ่านการให้ความร้อนจนเป็นสีน้ำเงิน และสัญลักษณ์ Grand Seiko สีทอง
SBGR325 ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 9S65 ของ Grand Seiko กลไกอัตโนมัติที่ให้อัตราความแม่นยำเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ +5/-3 วินาทีต่อวัน และสำรองพลังงานได้ถึง 3 วัน กลไกคาลิเบอร์นี้มีตราสัญลักษณ์ของ Grand Seiko ฝังอยู่ใน Oscillating weight ที่ถูกกระทำให้เป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีประจำตัวของ Grand Seiko ด้วยกระบวนการ อโนดิก ออกซิเดชั่น
SBGH311 เป็นการผลิตขึ้นแบบจำนวนจำกัด 1,200 เรือน และจะวางจำหน่ายที่ แกรนด์ ไซโก บูติก และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ด้วยราคา 262,100 บาท ส่วน SBGR325 จะวางจำหน่ายในฐานะการผลิตแบบจำนวนจำกัด 1,200 เรือน ที่ แกรนด์ ไซโก บูติก และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งในเดือนเมษายน 2023 ด้วยราคา 211,100 บาท
